
เชื่อว่าทุกๆคนล้วนใช้ชีวิตเพื่อเป้าหมายที่อยากจะประสบความสำเร็จกับอะไรสักอย่าง แต่ก็มีบ่อยครั้งที่เราพบว่า มันไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที จนบางครั้งที่เราล้มเลิกที่จะทำตามความฝัน หรือล้มเลิกที่จะพยายามต่อสู้เพื่อเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เลือกเป้าหมายที่เหมาะกับตัวเอง หรือเรามีวิธีการคิดที่ไม่ถูกต้อง ในวันนี้ ฉันอยากจะชวนคุณมาลองดู 7 วิธีคิดเพื่อพิชิตเป้าหมายและมีความสุขในแบบที่เป็นตัวเรากันค่ะ
ก่อนอื่นอย่าเพิ่งกังวลว่าการตั้งเป้าหมายและตั้งใจทำตามเป้าหมายจะเป็นเรื่องยากเกินไป หรือไกลตัวเกินไปนะคะ ฉันเชื่อว่าเราทุกคนมีศักยภาพที่จะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเองทั้งนั้นค่ะ ค่อยๆปรับจูนกันไปจนพบสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ซึ่งนอกจากเราจะประสบความสำเร็จแล้ว เรายังมีความสุขและสนุกกับสิ่งที่เราทำด้วยค่ะ
Photo by Jill Wellington from Pexels
1.การตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและเหมาะสม
เป้าหมาย คือ สิ่งที่เรามุ่งหวัง สิ่งปรารถนาที่จะได้มา ทุกคนล้วนมีเป้าหมายในชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่ง การที่เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้นั้น เราต้องมีความชัดเจนกับเรื่องดังต่อไปนี้ค่ะ
- ตัวเป้าหมายต้องชัดเจน คือ สิ่งที่เราต้องการคืออะไร เป็นความต้องการจริงๆหรือเปล่า หรือเป็นเป้าหมายที่คนอื่นคาดหวังให้เราเป็น หรือเป็นเป้าหมายที่เราตั้งตามกระแสนิยม ซึ่งไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา เป้าหมายที่ไม่ใช่ตัวเราย่อมอยู่กับเราได้ไม่นาน
- เป้าหมายของเราต้องสามารถวัดผลได้ ยกตัวอย่างเช่น ฉันจะเขียนหนังสือให้ได้ปีละ 1 เล่ม ฉันจะสอบวัดผลภาษาญี่ปุ่นให้ผ่านระดับ 2 ด้วยคะแนนมากกว่า 80% เป็นต้น
- กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนแน่นอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น
- กำหนดวิธีการที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายไว้ให้ชัดเจน
- เขียนเป้าหมาย และแผนการลงบนกระดาษติดไว้ในจุดที่มองเป็นได้ชัดเจนเพื่อย้ำเตือนตัวเราอยู่เสมอ
- ประเมินผลตัวเองเป็นระยะ ทุกวัน ทุกเดือน ทุกสัปดาห์ ว่าเราได้ทำตามแผนเป้าหมายที่เราวางไว้ หรือไม่ และหากมีช่วงเวลาไหนที่เราไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายเป็นเพราะเหตุใด
- วิเคราะห์หาสาเหตุและแก้ไขสิ่งที่ไม่สามารถทำให้เราทำได้ตามเป้าหมาย
- บางเรื่องเรายังขาดความรู้ ความชำนาญไม่สามารถแก้ปัญหาหรือแก้ไขปัญหาด้วยลำพังตนเอง เราสามารถปรึกษาผู้รู้ หรือเรียนคอร์สเสริมความรู้ได้ ปัจจุบันหลักสูตรต่างๆมีให้เราเลือกเรียนรู้มากมายตามความสนใจของเรา
Photo by Christina Morillo from Pexels
2.มุ่งมั่นและจดจ่อกับเป้าหมาย
Focus on your goal คือ การจดจ่ออยู่กับเป้าหมายของเรา การจดจ่อหมายถึง การมุ่งมั่น และพุ่งเป้าไปที่สิ่งที่เราต้องการจะทำให้ได้ โดยไม่วอกแวกหรือคลางแคลงสงสัยว่าเราจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ขอให้เชื่อมั่น มุ่งมั่น และบอกกับตัวเองว่า “ฉันทำได้ ฉันทำได้” อย่าละความพยายาม
Photo by Michael Burrows from Pexels
3.เรียนรู้สิ่งใหม่ต้องทำให้สุดโต่ง
ไม่มีความสำเร็จใดได้มาโดยง่าย ไม่มีมีสิ่งใดได้มาโดยไม่ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง อย่างเช่นเราต้องแลกด้วยเวลา เพื่อเรียนรู้ฝึกฝนทักษะบางอย่างเพื่อให้เกิดการพัฒนาหรือชำนาญ เราต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าเพื่อเรียนรู้ฝึกฝนเรื่องบางเรื่อง ตัวอย่างเช่น เราอยากเป็นนักเขียน แต่เราเอาแต่กังวลว่า งานเขียนของเราจะไม่ได้รับการตอบรับ กลัวคำวิพากษ์วิจารณ์ กลัวว่าตัวเราจะรับสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ กลัวคำว่าแพ้ จนไม่ลงมือทำ การไม่สำเร็จในก้าวแรกเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครขี่จักรยานเป็นตั้งแต่เกิด เราจะมีประสบการณ์และเกิดการเรียนรู้จากการลงมือทำได้มากกว่า
Photo by Karolina Grabowska from Pexels
4.อย่ามัวแต่แก้ข้อเสียแต่ให้พัฒนาข้อดี
การเฝ้ากังวลและคอยจับจ้องข้อเสีย หรือข้อด้อยของตัวเอง เป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่จะลดทอดพลังงานดีๆ และทำให้เราท้อแท้ก่อนที่จะไปถึงเป้าหมาย อย่ามัวมานั่งเสียเวลาท้อแท้ หรือคอยแต่กังวลกับข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งเรื่องบางเรื่องมันแก้ไขได้ยาก หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป การแก้ไขในจุดนี้ คือ ปรับเป้าหมายให้เหมาะสมและสอดคล้องกับทรัพยากร หรือคุณสมบัติที่คุณมี ถูกจริตกับตัวเอง และมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้
Photo by cottonbro from Pexels
5.ฝึกฝนทำซ้ำๆจนกลายเป็นนิสัยอัตโนมัติ
การฝึกฝนทำซ้ำๆจนกลายเป็นนิสัยอัตโนมัติ หมายถึง การฝึกฝนทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อรักษาและพัฒนาความสามารถให้คงอยู่และยั่งยืน
การทำสิ่งเดิมๆเราก็ได้ผลลัพธ์แบบเดิม ถ้าเราต้องการไปได้ไกลกว่าเดิม และต้องการบรรลุเป้าหมายให้เร็วขึ้น เราต้องสร้างสิ่งใหม่และเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะนิสัย เราอยากเป็นคนสำเร็จเรื่องอะไร ทิศทางไหน ด้านการงานอาชีพ ด้านการเรียน หรือด้านความสัมพันธ์ เราต้องทำการศึกษาเรียนรู้ว่านิสัยใดบ้างที่จะทำให้เราไปสู่ความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่เรายังคงทำสิ่งเดิมๆ คืออ่านตำราไวยากรณ์จากหนังสือหลายๆเล่ม มานานหลายปี แต่เรายังคงพูดกับต่างชาติไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจ เมื่อวิธีการเดิมไม่ได้ผลเราต้องทำสิ่งใหม่ วิธีการใหม่ เช่น การฝึกฟังจากยูทูปทุกๆวันและฝึกออกเสียงตาม ฟังคลิปสอนภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาโดยตรง จะทำให้เราคุ้นชินสำเนียงและเข้าใจภาษาได้ดีขึ้น ทำแบบนี้ในทุกๆวัน ช่วงแรกอาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่การฝึกฟังและพูดทุกๆวันจนเป็นนิสัย จะทำให้เราพัฒนาขึ้นทีละเล็กละน้อยโดยไม่รู้ตัว ฝึกทำซ้ำๆจนเกิดความชำนาญ
Photo by cottonbro from Pexels
6.ใช้เวลาสร้างนิสัยใหม่อย่างน้อยวันละ 15 นาที
ทำสิ่งเดิมๆเราก็ได้ผลลัพธ์แบบเดิม ถ้าเราต้องการไปได้ไกลกว่าเดิม และต้องการบรรลุเป้าหมายให้เร็วขึ้น เราต้องสร้างสิ่งใหม่และเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะนิสัย เราอยากเป็นคนสำเร็จเรื่องอะไร ทิศทางไหน ด้านการงานอาชีพ ด้านการเรียน หรือด้านความสัมพันธ์ เราต้องทำการศึกษาเรียนรู้ว่านิสัยใดบ้างที่จะทำให้เราไปสู่ความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น เราอยากเก่งภาษาอังกฤษ แต่เรายังคงทำสิ่งเดิมๆ คืออ่านตำราไวยากรณ์จากหนังสือหลายๆเล่ม มานานหลายปี แต่เรายังคงพูดกับต่างชาติไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจ เมื่อวิธีการเดิมไม่ได้ผลเราต้องทำสิ่งใหม่ วิธีการใหม่ เช่น การฝึกฟังจากยูทูปทุกๆวันและฝึกออกเสียงตาม ฟังคลิปสอนภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษาโดยตรง จะทำให้เราเคยชินสำเนียงและเข้าใจภาษาได้ดีขึ้น ทำแบบนี้ในทุกๆวัน ช่วงแรกอาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่การฝึกฟังและพูดทุกๆวันจนเป็นนิสัย จะทำให้เราพัฒนาขึ้นทีละเล็กละน้อยโดยไม่รู้ตัว
Photo by Julia M Cameron from Pexels
7.ความสำเร็จที่แท้จริง คือความสุขกับสิ่งที่ทำ
เมื่อเราได้ตัดสินใจ ที่จะพัฒนาทักษะใดๆหรือเปลี่ยนแปลงนิสัยใดๆ เพื่อเป็นพื้นฐานให้เรานำไปต่อยอดทำเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จแล้วนั้น ขอให้เราอย่าเพิ่งท้อแท้ใจว่าไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลงอะไรดีขึ้นไปจากเดิมสักเท่าไรเลย ถ้ารู้สึกแบบนั้นขอให้ทบทวนสักนิดว่า เราให้เวลาไปแค่ไหนแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ดีและมั่นคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืนแต่ต้องอาศัยการสั่งสมประสบการณ์และเวลาจนเกิดความชำนาญ และการมุ่งมั่นทุ่มเท แรงกายแรงใจ การลงมือทำซ้ำๆจนเกิดความชำนาญจนคุณสามารถทำเรื่องนั้นได้อย่างง่ายและเป็นอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุดแต่ถ้าดีขึ้น พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเราถือว่า นั่นคือ ความสำเร็จแล้ว พยายามอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมแพ้ หรือไม่ล้มเลิก วันหนึ่งเราจะไปถึงอย่างแน่นอน หากวันนี้ใช้เวลาอย่างตั้งอกตั้งใจมากไปกว่า 2 เดือน แต่พบว่าผลลัพธ์มันคงที่ หรือแย่ลงแล้วละก็ ลองทบทวนดูว่าวิธีการมันถูกต้องไหม เหมาะสมกับเราหรือเปล่า เส้นทางไปถึงจุดหมาย ก็เปรียบเหมือนขับรถ บางคนชอบขับรถเร็วๆโดนตำรวจจับปรับความเร็วบ้างก็โอเค เพราะว่ามีเวลาน้อยต้องรีบไปให้ทันนัด ถ้าเขายอมรับความเสี่ยงได้ ก็โอเค แต่บางคนชอบขับด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ต้องแลกด้วยการออกจากบ้านเร็วหน่อยเผื่อเวลาการเดินทาง ขับเหนื่อยก็พักแวะทานอาหาร ชมวิวระหว่างทางบ้าง ก็มีความสุขระหว่างการเดินทางไป อาจใช้เวลามากหน่อยไปถึงช้าหน่อย แต่ก็ถึงเป้าหมายเดียวกัน
อย่าทำอะไรตามอย่างใคร เพียงเพราะคุณเห็นว่าเขาสำเร็จ เขาดีเยี่ยม เรานำเขามาศึกษาแล้วเลือกใช้ให้เหมาะกับความเป็นตัวเรา ทำสิ่งที่มีความสุข มุ่งมั่นลงมือทำให้สุดๆแล้วความสำเร็จจะมาพร้อมกับความสุข
Photo by Andrea Piacquadio from Pexels
สรุปส่งท้าย
การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด คนที่ชอบการศึกษาและเรียนรู้นั้นย่อมมีความคิดที่กว้างกว่า แต่ต่อให้รู้มากเท่าไร มีแต่เพียงมุมมองและความคิดแต่ไม่ได้นำมาสร้างให้เกิดผลลัพธ์ก็ย่อมไม่ประสบความสำเร็จ อย่าใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่กับหนังสือ หรือตำรา หรือคอร์สเรียน แต่ให้ใช้เวลากับการสร้างผลงานให้มากกว่าและหาความรู้ประกอบเพิ่มเติม เมื่อเราได้ลงมือทำแล้วจะทำให้เราได้รู้ว่าจริงๆแล้วเราต้องศึกษาอะไรเพิ่มบ้าง จริงๆแล้วเรายังขาดอะไร แล้วเราจะเข้าใกล้เป้าหมายเราได้มากกว่าเดิม ไม่จำเป็นต้องสำเร็จตามอย่างใคร เราจะมีความสุขและพอใจกับความสำเร็จในแบบที่เป็นเรา
เขียนโดย : นุชจรี ธรรมชาติ
ฝากติดตามผลงานเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ
สมัครสมาชิกเว็บไซต์เพื่ออ่านบทความดีๆมีประโยชน์และสิทธิพิเศษได้ก่อนใคร สามารถลงทะเบียนด้านล่างนี้เลยค่ะ